AP ยันรายได้ปีนี้ ถึงเป้า 7 พันล้านบาทแน่ ออกหุ้นกู้ 2.5 พันล้าน ประหยัดดอกเบี้ย 1% มองธุรกิจอสังหาฯ สดใส 2 ปี โตไม่ต่ำกว่า 10%
นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) กล่าวว่า ในปีนี้น่าจะทำรายได้เข้าเป้า 7 พันล้านบาทแน่นอน โดยครึ่งปีเข้ามาแล้ว 6.3 พันล้านแล้ว ขณะที่ยอดจองจากการขายทั้งหมดอยู่ที่ 9.7 พันล้านบาท โดยสามารถรับรู้แน่นอนแล้ว 3 พันล้านบาท
สำหรับปีหน้า รายได้ก็จะโตขึ้น 10% จากเป้ารายได้ปีนี้ 7 พันล้านบาท ซึ่งมองว่าแนวโน้มของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้น เพราะดอกเบี้ยลดลงและผู้บริโภคกล้าตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยหรือมีการบริโภคมากขึ้นจากที่ปัจจุบันคนมีรายได้ แต่ไม่กล้าใช้จ่าย
ขณะที่คาดว่ายอดรับรู้รายได้ในปี 2552 จะเติบโตสูงกว่า 15% มาที่ 8-9 พันล้าน แต่ทั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าประเทศไทยต้องมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ 3-4% โดยสัดส่วนรายได้จากโครงการคอนโด มิเนียมจะเพิ่มสูงขึ้นมาที่ 40-50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 30%
นายอนุพงษ์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทใช้งบสำหรับซื้อที่ดินใหม่ 2 พันล้านบาท ซึ่งผ่านไปครึ่งปีใช้ไปแล้ว 1 พันล้านบาท และปลายปีนี้จะเปิดโครงการใหม่อีก 5 โครงการ ขณะที่ปี 2551 ใช้งบซื้อที่ประมาณ 1.5-2 พันล้านบาท
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AP กล่าวว่า ในวันที่ 24 ก.ค. จะเดินทางไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) กับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ภัทร ที่ฮ่องกงเป็นเวลา 2 วัน โดยก่อนหน้านี้ได้ไปกับ บล.ธนชาต พบนักลงทุนแถบยุโรปกับอเมริกามาแล้ว ซึ่งถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเห็นจากราคาในกระดานหุ้นได้มีการปรับขึ้น
ขณะที่บริษัทได้ขายหุ้นกู้มูลค่า 2.5 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่สำหรับอายุหุ้นกู้ 3 ปี อยู่ที่ 4.9% และอายุหุ้น 4 ปี ดอกเบี้ยคงที่ 5.3% ทั้งนี้ ยังเหลือวงเงินที่ยังไม่ได้จัดจำหน่ายอีก 500 ล้านบาท
"การออกหุ้นกู้ล็อตนี้ประหยัดต้นทุนได้ประมาณ 1% ซึ่งดีกว่ากู้สถาบันการเงินที่เสียดอกเบี้ย 7% และยังเป็นการบริหารความเสี่ยงดอกเบี้ยเป็นหลัก ซึ่งประเมินไว้ว่าปีหน้าเศรษฐกิจดีขึ้น และจะต้องมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นแน่นอน" นายอนุพงษ์ กล่าว
สำหรับเงินที่ได้จากการขายหุ้นกู้ จะนำไปชำระหนี้และเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยไม่ทำให้อัตราส่วนของหนี้สินต่อทุน (ดี/อี) เกินเป้าหมาย 1 เท่า ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 0.6 เท่า
ด้านราคาหุ้น AP ปิดที่ 7 บาทเท่ากับวันก่อน
ที่มา: หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์
วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2550