บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการกำกับดูแลกิจการที่ดี อันเป็นปัจจัยหลักในการเสริมสร้างให้องค์กรมีระบบที่มีประสิทธิภาพ และเป็นพื้นฐานของการเติบโตอย่างยั่งยืน คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการและบริหารความเสี่ยง จึงได้ร่างนโยบายการกำกับดูแลกิจการเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาอนุมัติ และได้มีการทบทวนปรับปรุงนโยบายครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2559 เพื่อเป็นการยกระดับมาตรฐานและการปฏิบัติการด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีของบริษัทให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ ASEAN Corporate Governance Scorecard (ASEAN CG Scorecard) สำหรับนโยบายการกำกับดูแลกิจการได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ของบริษัท http://www.apthai.com/investor-relations/ ภายใต้หัวข้อการกำกับดูแลกิจการ
ในปี 2560 คณะกรรมการได้พิจารณาและทบทวนการนำ CG Code ไปปรับใช้ตามบริบททางธุรกิจของบริษัทแล้ว นอกจากนี้ บริษัทได้ปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ตามแนวทางที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดใน 5 หมวด
ผู้ถือหุ้นเปรียบเสมือนเจ้าของบริษัท มีสิทธิและเสียงที่จะร่วมกำหนดทิศทางการดำเนินงานของบริษัทตามขอบเขตที่กฎหมายกำหนด บริษัทจึงมุ่งเน้นที่จะสร้างประโยชน์ที่ดีแก่ผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ โดยมุ่งให้ผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิและใช้สิทธิบนหลักการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เช่น การซื้อขายหรือโอนหุ้น การได้รับเงินปันผล การได้รับข้อมูลข่าวสารของบริษัทอย่างครบถ้วน รวดเร็วและเพียงพอ โดยได้จัดให้มีส่วนงานนักลงทุนสัมพันธ์และเลขานุการบริษัท เพื่อตอบข้อสงสัยต่างๆ แก่ผู้ถือหุ้น ผ่านช่องทางติดต่อต่างๆ ทั้งโทรศัพท์ อีเมล และไปรษณีย์ รวมถึงการเข้าร่วมประชุมเพื่อใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อรับทราบและตัดสินใจในวาระสำคัญ เช่น การจ่ายเงินปันผล การแต่งตั้งและการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการ รวมถึงการแก้ไขข้อบังคับของบริษัท เป็นต้น
การประชุมผู้ถือหุ้น
บริษัทได้จัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ขึ้น เมื่อวันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นระยะเวลาภายในไม่เกิน 4 เดือน นับแต่วันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีการดำเนินการเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับสิทธิเกี่ยวกับการประชุมผู้ถือหุ้นตามกฎหมายและนโยบายการกำกับดูแลกิจการ รายละเอียดดังนี้
บริษัทสนับสนุนให้ผู้ถือหุ้นทุกราย ได้แก่ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้ถือหุ้นรายย่อย ผู้ถือหุ้นสถาบัน รวมถึงผู้ถือหุ้นต่างชาติ ได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันและเป็นธรรม มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
บริษัทได้แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสัดส่วนผู้ถือหุ้นและผู้รับมอบฉันทะที่เข้าร่วมประชุม วิธีการปฏิบัติในการนับคะแนน วิธีลงคะแนน ก่อนการเริ่มประชุม
บริษัทได้มีมาตรการป้องกันการใช้ข้อมูลภายในอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรโดยกำหนดเป็น “หลักเกณฑ์การใช้ข้อมูลภายในและการรายงานการถือครองทรัพย์สิน” ซึ่งได้รับการอนุมัติโดยคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2556
โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าว มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังได้กำหนดช่วงเวลาห้ามกรรมการและผู้บริหาร รวมไปถึงบุคลากรที่มีส่วนสำคัญในการจัดทำงบการเงิน
จากการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทก่อนที่งบการเงินจะเผยแพร่ต่อสาธารณชนและหลังจาก
เผยแพร่งบการเงินแล้ว เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและสาธารณชนได้มีเวลาศึกษางบการเงิน
และสร้างความเท่าเทียมกันในการตัดสินใจลงทุนรวมถึงห้ามกรรมการและผู้บริหาร บุคลากรในส่วนงานนักลงทุนสัมพันธ์
และส่วนงานประชาสัมพันธ์ของกลุ่มบริษัท เปิดเผยข้อมูลภายในแก่บุคคลอื่น ผู้ถือหุ้น
บุคคลภายนอกทั่วไป นักลงทุน นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ และสื่อมวลชน ในระหว่างช่วงเวลา
7 วันก่อนวันที่บริษัทจะเผยแพร่ข้อมูลนั้นๆ ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
และ/หรือต่อสาธารณชน รวมถึงให้งดเว้นจากการพบปะเพื่อให้ข้อมูล จัดประชุม หรือตอบข้อซักถามที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายในใดๆ
กับบุคคลดังกล่าวทั้งสิ้น
หากมีการฝ่าฝืนระเบียบการใช้ข้อมูลภายในของบริษัท จะมีการดำเนินการทางวินัยเพื่อพิจารณาลงโทษตามสมควรแก่กรณี ดังนี้
สำหรับการรายงานการถือครองหลักทรัพย์ กรรมการและผู้บริหารมีหน้าที่จัดทำและรายงานการซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทภายใน
3 วันทำการหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
โดยเลขานุการบริษัทจะทำหน้าที่รวบรวมรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ดังกล่าว
เพื่อบรรจุเป็นวาระเพื่อทราบในการ
ประชุมคณะกรรมการบริษัทเป็นประจำทุกครั้ง นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดให้
กรรมการและผู้บริหารแจ้งต่อคณะกรรมการ เกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นอย่างน้อย 1
วันล่วงหน้าก่อนการทำรายการซื้อขายด้วย
ในปี 2560 มีการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของกรรมการผู้บริหาร ดังนี้
การถือครองหุ้น AP ของกรรมการ
ลำดับ
|
รายชื่อ
|
จำนวนหุ้น
|
หมายเหตุ
|
||
ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2559
|
ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2560
|
การซื้อขายระหว่างปี
|
|||
1. | รศ.ดร.นริศ ชัยสูตร |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
2. | คุณอนุพงษ์ อัศวโภคิน |
670,047,561
|
670,047,561
|
ไม่มีรายการซื้อขายหุ้น AP
|
|
3. | คุณพิเชษฐ วิภาศุภกร* |
113,982,879
|
113,982,879
|
-
|
ไม่มีรายการซื้อขายหุ้น AP
|
4. | คุณศิริพงษ์ สมบัติศิริ |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
5. | คุณวสันต์ นฤนาทไพศาล |
132,000
|
132,000
|
-
|
ไม่มีรายการซื้อขายหุ้น AP
|
6. | คุณกิตติยา พงศ์ปูชนีย์กุล |
817,520
|
817,520
|
-
|
ไม่มีรายการซื้อขายหุ้น AP
|
7. | คุณวิษณุ สุชาติล้ำพงศ์ |
100,000
|
100,000
|
-
|
ไม่มีรายการซื้อขายหุ้น AP
|
8. | คุณพรวุฒิ สารสิน |
673,000
|
673,000
|
-
|
ไม่มีรายการซื้อขายหุ้น AP
|
9. | คุณหยกพร ตันติเศวตรัตน์ |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
10. | คุณพันธ์พร ทัพพะรังสี |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
11. | คุณโกศล สุริยาพร |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
12. | คุณนนท์จิตร ตุลยานนท์ |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
13. | คุณสมยศ สุธีรพรชัย |
2,200
|
2,200
|
-
|
ไม่มีรายการซื้อขายหุ้น AP
|
* รวมการถือหุ้นทางอ้อม (คู่สมรส)
การถือครองหุ้น AP ของผู้บริหาร
ลำดับ
|
รายชื่อ
|
จำนวนหุ้น
|
หมายเหตุ
|
||
ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2559
|
ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2560
|
การซื้อขายระหว่างปี
|
|||
1. | นายโอภาส เรืองรจิตปกรณ์ |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
2. | นายปิยวัฒน์ สื่อไพศาล |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
3. | นางสาวทิพวรรณ ศิริคูณ |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
4. | นายสมชาย วัฒนเสาวภาคย์ |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
5. | นายวิทการ จันทวิมล |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
6. | นายภมร ประเสริฐสรรค์ |
172,238
|
38
|
(172,200)
|
จำนวน 172,200 หุ้น จำนวน 172,200 หุ้น
|
7. | นางสาวจิตอาภา อัมราลิขิต |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
8. | นายวรพงศ์ วิโรจน์ธนานุกุล |
231,000
|
11,000
|
(220,000)
|
จำนวน 220,000 หุ้น จำนวน 220,000 หุ้น
|
9. | นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
10. | นายธนิตย์ ไพบูลย์ |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
11. | นายบุญชัย จันทร์กระจ่างเลิศ |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
12. | นายภัทรภูริต รุ่งจตุรภัทร |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
13. | นายเศรษฐ์ ศรีสายัญ |
-
|
-
|
-
|
ไม่มีการถือครองหุ้น AP
|
บริษัทให้ความสำคัญต่อสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน เจ้าหนี้ คู่ค้า ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องและผู้ถือหุ้น โดยมีการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ ดังที่แสดงไว้ในหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี สำหรับแนวปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้เสียสามารถสรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
บริษัทตระหนักดีว่า บุคลากรถือเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้บริษัทเคลื่อนไปสู่ความเป็นเลิศทางธุรกิจ จึงมุ่งสรรหา พัฒนา รวมทั้งดูแลพนักงานทุกคนอย่างเสมอภาคกัน มีการปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรม ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่แบ่งแยกถิ่นกำเนิด เชื้อชาติ เพศหรือสถานะอื่นใดที่มิได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการปฏิบัติงาน เน้นการดูแลผลประโยชน์ของพนักงานให้ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมสอดคล้องกับอัตราตลาด ให้ความสำคัญในด้านการดูแลสวัสดิภาพและสวัสดิการของพนักงาน มีการกำหนดนโยบายค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับผลการดำเนินงาน ทั้งระยะสั้นและระยะยาวกล่าวคือ ในระยะสั้นจะพิจารณาจากผลการดำเนินงาน ความสามารถในการทำกำไรในแต่ละปี และมีการนำตัวชี้วัดผลงาน (KPI) เป็นเครื่องมือในการบริหารการจ่ายค่าตอบแทนตามผลการปฏิบัติงานด้วย สำหรับในระยะยาวจะเป็นเรื่องของการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อพนักงาน (ESOP)
นอกจากนี้ พนักงานที่ผ่านการทดลองงานจะได้รับสวัสดิการต่างๆ ดังนี้
บริษัทยังได้มุ่งเสริมสร้างวัฒนธรรม ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น และบรรยากาศในการทำงานที่ดี ผ่านทางการทำกิจกรรมต่างๆ ซึ่งจัดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มีการส่งเสริมให้พนักงานเสนอแนะความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาองค์กร โดยมีการสำรวจความคิดเห็นของพนักงานเป็นประจำทุกปี เพื่อนำผลลัพธ์มาวิเคราะห์และปรับปรุงองค์กรต่อไป
นอกจากนี้ บริษัทยังได้มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมสุขภาพของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เช่น การวิ่ง การแข่งขันลดน้ำหนัก ตลอดจนการตรวจสุขภาพประจำปี
บริษัทได้ก่อตั้ง โครงการเอพี พร็อพเพอร์ตี้ สคูล เป็นโรงเรียนสำหรับพัฒนาความรู้ ความสามารถ และทักษะในการทำงาน ให้แก่บุคลากรของบริษัท โดยหลักสูตรในเอพี พร็อพเพอร์ตี้ สคูล ประกอบด้วย 5 หลักสูตร ซึ่งมีรายละเอียดการจัดอบรมในปี 2560 ดังที่แสดงไว้ในหัวข้อความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) หัวข้อย่อย เอพี พร็อพเพอร์ตี้ สคูล
ตลอด 25 ปีที่ผ่านมา บริษัทดำเนินธุรกิจโดยยึดหลักของความซื่อสัตย์สุจริต โปร่งใสมาโดยตลอด ด้วยความตระหนักดีว่าการคอร์รัปชั่นจะส่งผลเสียต่อชื่อเสียง ความสามารถในการแข่งขัน ความเชื่อมั่นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน
บริษัทจึงได้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นไว้ เพื่อให้ทุกคนในบริษัททั้งคณะกรรมการ ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานทุกระดับปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด อันได้แก่
เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายและมาตรการต่อต้านการคอร์รัปชั่น บริษัทจึงได้จัดให้มีการให้ความรู้แก่พนักงานผ่านช่องทางการสื่อสารต่างๆ ในองค์กร เช่น อีเมลของพนักงาน แอนิเมชั่นในรูปแบบ pop-up หน้าจอ คอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง รวมถึงการจัดกิจกรรม เพื่อให้ความรู้ ส่งเสริมความเข้าใจ และชี้แจงแนวปฏิบัติในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชั่นของบริษัท นอกจากนี้ นโยบายและมาตรการต่อต้านการคอร์รัปชั่นยังได้รับการบรรจุไว้ในหลักสูตรการอบรมพนักงานใหม่ของบริษัทด้วย
พนักงานทุกคนสามารถแจ้งเบาะแสการทุจริตได้ทั้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ kosol.boardap@gmail.com หรือ hotline@apthai.com และทางไปรษณีย์ โดยบริษัทมีการกำหนดกระบวนการสำหรับตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีการจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาเรื่องที่ได้รับจากการแจ้งเบาะแส/ร้องเรียน เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ร้องเรียนทุกรายและข้อมูลของผู้แจ้งเบาะแสจะถูกเก็บไว้เป็นความลับ
บริษัทตระหนักถึงความสำคัญด้านความปลอดภัย สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อมในการปฏิบัติงาน (SHE) จึงได้กำหนดนโยบายความปลอดภัย สุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมในการปฏิบัติงานขึ้น มีการให้ความรู้และส่งเสริมให้มีการปฏิบัติ โดยจัดทำข้อมูลในรูปแบบของแอนิเมชั่น เผยแพร่ผ่านช่องทางการสื่อสารในองค์กร ทั้งอีเมล และเว็บไซต์ภายในของบริษัท ที่พนักงานสามารถเข้าถึงได้โดยง่าย นอกจากนี้ ยังมีการให้ความรู้และฝึกอบรมพนักงานในเรื่องสิ่งแวดล้อมผ่านทางหลักสูตรการบริหารงานก่อสร้าง(Construction Curriculum) ซึ่งจัดเป็นหลักสูตรหนึ่งในเอพี พร็อพเพอร์ตี้สคูล สำหรับปี 2560 มีการจัดอบรม 42 ครั้ง ผู้เข้ารับการอบรม 599 คน ในปี 2560 ที่ผ่านมา มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุ อัตราการหยุดงาน อัตราการเจ็บป่วยจากการทำงาน ดังนี้
เดือน
|
รายที่
|
อุบัติเหตุ/อาการ
|
มกราคม
|
1.
|
คัตเตอร์บาด |
2.
|
อาการปวดขาเนื่องมาจากการตกสระว่ายน้ำ | |
3.
|
สีกระเด็นเข้าตา | |
กุมภาพันธ์ |
4.
|
กระดูกก้นกบแตก จากการหกล้มบริเวณหน้างาน |
ตุลาคม
|
5.
|
แผ่นพาร์ทิชั่นร่วงใส่เท้า |
พฤศจิกายน
|
6.
|
เหยียบตะปู |
ประเภทการลา
|
จำนวนพนักงานที่ลา (คน)
|
จำนวนวันลา (วัน)
|
ค่าเฉลี่ย (วัน/คน)
|
1. ลาป่วย |
1,339
|
8,330
|
6
|
2. ลากิจ |
236
|
536
|
2
|
3. ลาพักผ่อน ประจำปี |
1,722
|
14,614
|
8
|
ประเภทการลา
|
จำนวนพนักงานที่ลา (คน)
|
จำนวนวันลา (วัน)
|
ค่าเฉลี่ย (วัน/คน)
|
1. ลาป่วยจากการทำงาน |
5
|
21
|
3.5
|
ในด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม บริษัทส่งเสริมให้พนักงานปฏิบัติงานโดยไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการไม่อนุญาตให้ทิ้งสิ่งปฏิกูลหรือน้ำเสียจากการก่อสร้างลงแหล่งชุมชน ด้านมลพิษทางอากาศ ไม่ให้เผาสิ่งปฏิกูล หรือวัสดุอันตรายจากการก่อสร้าง ให้โครงการล้อมรั้วรอบพื้นที่ก่อสร้างเพื่อป้องกันฝุ่นควันกระจายออกสู่พื้นที่ข้างเคียง ทั้งนี้ บริษัทยังมุ่งหวังให้พนักงานใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เช่น การใช้กระดาษรียูส การประหยัดน้ำ ไฟฟ้า โดยมีการติด ป้ายรณรงค์ตามจุดต่างๆ ในอาคารสำนักงาน สำหรับการปฏิบัติตามกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม เช่น มีการขอ EIA ก่อนเริ่มการก่อสร้างในทุกโครงการ รายละเอียดดังที่แสดงไว้ในหัวข้อความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) หัวข้อย่อย การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม
บริษัทมีการกำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งกรรมการผู้บริหาร และพนักงานทุกคน รวมทั้งพนักงานในบริษัทย่อย ถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยทั่วกัน ทั้งการเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนสากล และสิทธิมนุษยชนภายในองค์กร นับตั้งแต่การสรรหาว่าจ้าง ซึ่งบริษัทจะยึดหลักจริยธรรมในการสรรหาและว่าจ้าง โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติทั้งในเรื่องเชื้อชาติ ศาสนา สีผิว หรือเพศ รวมทั้งไม่มีการใช้แรงงานเด็ก หรือแรงงานที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งยังมีการจ้างงานคนพิการตามความเหมาะสมของตำแหน่งงานและหน้าที่รับผิดชอบ
บริษัทยึดมั่นและปฏิบัติตามนโยบายด้านลูกค้าอย่างเคร่งครัดในฐานะเป็นผู้บริโภคของบริษัท มีการดูแลบ้านและห้องชุด รวมถึงการให้บริการของบริษัทให้ตรงตามมาตรฐาน พัฒนาคุณภาพ และประเมินผลกระทบของการก่อสร้างที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกค้าอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งได้จัดให้มีหน่วยงานบริการหลังการขาย (After Sale Service) รายละเอียดดังที่แสดงไว้ในหัวข้อความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) ความรับผิดชอบต่อสังคม หัวข้อย่อยความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค
โดยมีช่องทางการสื่อสารเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และรับข้อร้องเรียนของลูกค้าหลายช่องทาง ทั้งทางเว็บไซต์ http://www.apthai.com/contactap/ ทางโทรศัพท์ call center 1623 และ call service 0-2018-9999 ที่ให้บริการลูกบ้านของโครงการเอพีโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ในปี 2560 บริษัทยังมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายใต้ชื่อ AP society รายละเอียด ดังที่แสดงไว้ในหัวข้อความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) หัวข้อย่อย AP society ภาพกิจกรรมต่างๆ ดังที่แสดงไว้ในเว็บไซต์ของบริษัท http://www.apthai.com/ap-society/
บริษัทยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส โดยมุ่งปฏิบัติต่อเจ้าหนี้ คู่ค้า คู่แข่งทางการค้า บนพื้นฐานของหลักสุจริตและจริยธรรมทางการการค้า รวมถึงดำเนินการตามนโยบายที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ อย่างเคร่งครัด รายละเอียดนโยบาย ดังที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ http://www.apthai.com/ investor-relations/ ภายใต้หัวข้อการกำกับดูแลกิจการ
บริษัทมีการกำหนดนโยบายด้านเจ้าหนี้ไว้ ซึ่งกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน รวมทั้งพนักงานในบริษัทย่อย ถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยทั่วกัน โดยมีการปฏิบัติตามพันธสัญญาและข้อตกลงที่มีต่อเจ้าหนี้ทุกรายอย่างเสมอภาค ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรมทั้งสองฝ่าย เพื่อสร้างความเชื่อถือให้กับเจ้าหนี้ และมุ่งมั่นในการรักษาสัมพันธภาพที่ยั่งยืน โดยมีแนวปฏิบัติเกี่ยวกับเงื่อนไขค้ำประกัน การบริหารเงินทุน และกรณีที่เกิดการผิดนัดชำระหนี้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับเจ้าหนี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนี้ทางการค้าหรือเจ้าหนี้สถาบันการเงิน เช่น การชำระหนี้คืนต่อเจ้าหนี้ตรงต่อเวลาตามเงื่อนไขที่กำหนดเพื่อมิให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ การปฏิบัติสัญญาหรือเงื่อนไขต่างๆ ที่ตกลงกันไว้อย่างเคร่งครัด และหากเกิดกรณีที่มีเหตุอันอาจกระทบต่อสถานะการเงิน โดยมีนัยสำคัญและอาจกระทบต่อหนี้ที่ต้องชำระ บริษัทจะบริหารเงินทุนโดยจะแจ้งให้เจ้าหนี้ทราบเพื่อร่วมกันหาวิธีป้องกันหรือแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหาย
บริษัทมีการกำหนดนโยบายด้านคู่ค้าไว้ ซึ่งกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน รวมทั้งพนักงานในบริษัทย่อย ถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยทั่วกัน โดยมุ่งคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัท การดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใสเป็นธรรม รวมถึงการพัฒนาความร่วมมือกับคู่ค้าไปในทางที่จะเอื้อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังได้กำหนดนโยบายการจัดซื้อจัดจ้าง ที่ระบุถึงหลักเกณฑ์ในการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับโครงการของบริษัททั้งแนวราบและแนวสูง รวมถึงจรรยาบรรณว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้าง (Buyer Code of Conduct) เพื่อให้พนักงานที่ปฏิบัติหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างของบริษัท ยึดถือเป็นกรอบจริยธรรมและหลักในการปฏิบัติหน้าที่จัดซื้อจัดจ้างด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส โดยถือเอาประโยชน์ของบริษัทเป็นสำคัญ และปฏิบัติต่อคู่ค้าอย่างเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ ในการคัดเลือกคู่ค้า บริษัทได้มีหลักเกณฑ์เป็นลายลักษณ์อักษร ดังที่ระบุไว้ในหมวดวิธีการจัดซื้อจัดจ้างและมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรม โดยแบ่งเป็นการคัดเลือกคู่ค้าด้วยวิธีต่างๆ ดังนี้
โดยบริษัทมีการให้โอกาสทางธุรกิจเสมอกันโดยไม่ทำให้คู่ค้าขนาดเล็กเสียเปรียบทางการค้า นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ให้เกิดค่านิยมรวมไปถึงสร้างพฤติกรรมการต่อต้านการจ่ายและรับสินบนโดยให้ความรู้แก่พนักงานทุกระดับชั้นผ่านช่องทางการสื่อสารภายในองค์กร
บริษัทมีการกำหนดนโยบายด้านคู่แข่งไว้ ซึ่งกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน รวมทั้งพนักงานในบริษัทย่อย ถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยทั่วกัน โดยบริษัทจะดำเนินธุรกิจตามกรอบกติกาของการแข่งขันทางการค้าด้วยความสุจริตและเป็นธรรม ใช้หลักคู่แข่งทางการค้าเชิงพันธมิตรอันเป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกัน ในกรอบที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจและความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รวมทั้งในปี 2560 บริษัทไม่เคยมีข้อพิพาทใดๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับคู่แข่งทางการค้า
นอกจากนี้ บริษัทยังตระหนักในความเป็นส่วนหนึ่งของสังคมซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการช่วยเหลือสังคม สนับสนุนกิจกรรมสาธารณประโยชน์แก่ชุมชน จึงได้กำหนดนโยบายด้านสังคมขึ้น ซึ่งกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานทุกคน รวมทั้งพนักงานในบริษัทย่อย ได้ถือปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดโดยทั่วกัน ด้วยความมุ่งหวังที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพสังคมไทย ผ่านทางการสนับสนุนและดำเนินกิจกรรมที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชนและสังคมส่วนรวมอย่างต่อเนื่องและจริงจัง
รายละเอียดกิจกรรมเพื่อสังคม ดังที่แสดงไว้ในหัวข้อความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR)
นอกเหนือจากการดำเนินการตามนโยบายที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ ดังข้างต้นแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญกับการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่น ตลอดจนสนับสนุนและส่งเสริมให้บุคลากรทุกระดับมีจิตสำนึกในการต่อต้านการทุจริตและคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ เพื่อยืนยันเจตนารมณ์ดังกล่าว บริษัทจึงได้ประกาศเจตนารมณ์เข้าเป็นหนึ่งในแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น (Private Sector Collective Action Coalition Against Corruption หรือ CAC) เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2558 และคณะกรรมการแนวร่วมปฏิบัติได้มีมติให้การ
รับรองบริษัทเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านทุจริต เมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2560 ที่ผ่านมา รายละเอียดดังที่แสดงไว้ในหัวข้อ แนวทางปฏิบัติในการป้องกันคอร์รัปชั่น
คณะกรรมการได้ตระหนักถึงความสำคัญและการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม จึงได้จัดให้มีช่องทางที่ผู้มีส่วนได้เสียจะสามารถเสนอแนะข้อคิดเห็น คำแนะนำ หรือติดต่อร้องเรียนในเรื่องที่อาจทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทได้โดยตรงที่ คุณโกศล สุริยาพร กรรมการตรวจสอบของบริษัท ผ่านทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ : kosol.boardap@gmail.com หรือ hotline@apthai.com โดยบริษัทได้จัดให้มีกระบวนการรับเรื่องร้องเรียน การไต่สวนข้อเท็จจริงและจะมีการายงานต่อคณะกรรมการต่อไป
บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
เลขที่ 170/57 อาคารโอเชี่ยน ทาวเวอร์ 1 ชั้น 18 ถนนรัชดาภิเษกตัดใหม่ คลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์ : 02 261 2518 – 22
จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ : investor@apthai.com
เว็บไซต์ : http://www.apthai.com/contact-ap/
ในปี 2560 หน่วยงานนักลงทุนสัมพันธ์ได้ดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
รูปแบบกิจกรรม
|
จำนวนครั้ง
|
การประชุมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ | 4 |
การพบปะนักลงทุน | 23 |
Road show | |
- ภายในประเทศ | 4 |
- ต่างประเทศ | 3 |
บริษัทเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่สำคัญบนเว็บไซต์ของบริษัท เช่น แบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) และรายงานประจำปี (แบบ 56-2) หนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้น รายงานการประชุมผู้ถือหุ้น ข้อบังคับของบริษัท หนังสือบริคณธ์สนธิ นโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี จรรยาบรรณสำหรับพนักงานและกรรมการผู้บริหาร และข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆ โดยมีการปรับปรุงข้อมูลให้เป็นปัจจุบันอยู่เสมอ
บริษัทมีการเปิดเผยตัวชี้วัดผลการดำเนินงานของบริษัท ทั้งในด้านการเงิน เช่น รายได้ ผลกำไร และด้านที่ไม่ใช่การเงิน เช่น ความพึงพอใจของลูกค้า โดยบริษัทมีความมุ่งมั่นในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า จึงให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ที่อยู่อาศัยที่จะส่งมอบให้กับลูกค้า มีการพัฒนาสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า โดยบริษัทได้จัดให้มีฝ่ายวิจัยการตลาด และฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อทำการวิเคราะห์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะด้านการใช้พื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสอดคล้องกับการใช้ชีวิตจริงของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะด้านการใช้พื้นที่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด และสอดคล้องกับการใช้ชีวิตจริงของผู้บริโภค ซึ่งตอกย้ำความเป็น Responsive creator ของ AP อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัท ได้นำผลสำรวจจากการวิจัยไปใช้ประกอบการพัฒนาโครงการใหม่ ๆ อยู่เสมอ และนอกจากนี้ บริษัทยังมีส่วนงานกลยุทธ์การตลาดที่ได้ทำการสำรวจ วิจัย และวิเคราะห์เกี่ยวกับความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนศักยภาพของทุกทำเลที่ตั้งโครงการในด้านสาธารณูปโภคต่าง ๆ ซึ่งทำให้บริษัทมีฐานข้อมูลที่เพียงพอในการที่จะทราบถึงความต้องการในตลาดที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคในแต่ละทำเล ซึ่งรวมถึงบทบาท และรูปแบบที่อยู่อาศัย ทำเลที่ตั้ง และระดับราคา เพื่อนำมาพัฒนาโครงการของบริษัทให้โดดเด่นเหนือคู่แข่งในทำเลเดียวกัน เพื่อบ่งบอกถึงความภาคภูมิใจของลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้าของบริษัท
คณะกรรมการบริษัทประกอบด้วยกรรมการซึ่งมีคุณสมบัติตามมาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 และประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องและคณะกรรมการได้มีมติแต่งตั้ง นายประมาศ ขวัญขึ้น ทำหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการบริษัท เพื่อดูแลให้การประชุมคณะกรรมการดำเนินไปตามกฎเกณฑ์และระเบียบที่เกี่ยวข้อง
บริษัทพิจารณาถึงความเหมาะสมของโครงสร้างกรรมการเทียบกับภาระหน้าที่ของคณะกรรมการ โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560 บริษัทมีกรรมการทั้งสิ้นจำนวน 13 ท่านรายละเอียดดังที่แสดงไว้ในหัวข้อ โครงสร้างการจัดการ
บริษัทกำหนดให้มีเลขานุการบริษัทที่ทำหน้าที่ให้คำแนะนำด้านกฎระเบียบต่าง
ๆ ที่คณะกรรมการต้องทราบ รวมทั้งประสานงานให้มีการปฏิบัติตามมติคณะกรรมการบริษัทได้แต่งตั้ง
นางสาวกิตติยา พงศ์ปูชนีย์กุล
ทำหน้าที่เป็นเลขานุการบริษัท
ซึ่งรายละเอียดและขอบเขตอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการชุดย่อยแต่ละชุดดังที่แสดงไว้ในหัวข้อ โครงสร้างการจัดการ
คณะกรรมการบริษัทได้จัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัททั้งคณะ (Evaluation on the Performance of the Board of Directors) การประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการเป็นรายบุคคล (Director Self-Assessment) รวมถึงการประเมินผลการปฏิบัติงานของ คณะกรรมการชุดย่อย (Sub-Committee Self- Assessment) เป็นประจำทุกปี โดยการประเมินผลทั้ง 3 รูปแบบ จะดำเนินกระบวนการและมีหลักเกณฑ์การประเมินเหมือนกัน กล่าวคือ
กระบวนการประเมินผล
เลขานุการบริษัทจะจัดทำและทบทวนแบบประเมินผลการปฏิบัติงานให้มีความถูกต้องครบถ้วน
แล้วจึงนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาประเมินผลการปฏิบัติงาน
จากนั้นเลขานุการบริษัทดำเนินการสรุปผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาและดำเนินการปรับปรุงการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
หลักเกณฑ์ในการประเมินผล จะคิดเป็นร้อยละจากคะแนนเต็มในแต่ละข้อ โดยมีเกณฑ์การวัดผล
ดังนี้
เนื้อหาการประเมิน
หัวข้อการประเมิน
|
|||
คณะกรรมการทั้งคณะ |
คณะกรรมการชุดย่อย
|
รายบุคคล
|
|
โครงสร้างและคุณสมบัติของกรรมการ |
✓
|
✓
|
✓
|
บทบาท/หน้าที่/ความรับผิดชอบของกรรมการ |
✓
|
✓
|
✓
|
การประชุมของคณะกรรมการ |
✓
|
✓
|
✓
|
การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ |
✓
|
-
|
-
|
ความสัมพันธ์กับฝ่ายบริหาร |
✓
|
-
|
-
|
การพัฒนาตนเองและผู้บริหาร |
✓
|
-
|
-
|
ซึ่งผลการประเมินสำหรับปี 2560 พบว่า การปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัททั้งคณะ (Evaluation on the Performance of the Board of Directors) ผลการปฏิบัติงานของกรรมการเป็นรายบุคคล (Director Self-Assessment) รวมถึงผลการปฏิบัติงานของ คณะกรรมการชุดย่อย (Sub-Committee Self- Assessment) มีคะแนนอยู่ในระดับดีเยี่ยม
สำหรับการประเมินประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ในปี 2560 ผลประเมิน อยู่ในระดับดีมาก
คณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนพิจารณาค่าตอบแทนของกรรมการของบริษัท โดยคำนึงถึงกำไรของบริษัท ประสบการณ์ภาระหน้าที่ บทบาทความรับผิดชอบ และอยู่ในระดับที่เทียบเคียงได้กับบริษัทในกลุ่มธุรกิจเดียวกันโดยคณะกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนได้กำหนดค่าตอบแทนกรรมการให้ที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติ และเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจาณาอนุมัติรายละเอียดค่าตอบแทนของกรรมการและผู้บริหารสำหรับ ปี 2560 ดังที่แสดงไว้ในหัวข้อโครงสร้างการจัดการ
นอกจากนี้ กรรมการบริษัททุกท่านยังผ่านการอบรมหลักสูตรต่าง ๆ จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) รายละเอียดดังนั้น
กรรมการ
|
หลักสูตรการอบรม
|
||||||
DAP |
DCP |
FND |
CDC |
ELP |
AACP |
ACP |
|
1. รศ.ดร.นริศ ชัยสูตร |
✓
|
✓
|
✓
|
✓
|
-
|
-
|
-
|
2. นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน |
✓
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
3. นายพิเชษฐ วิภวศุภกร |
✓
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
4. นายศิริพงษ์ สมบัติศิริ |
✓
|
-
|
-
|
-
|
✓
|
-
|
-
|
5. นายพันธ์พร ทัพพะรังสี |
✓
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
6. นายนนท์จิตร ตุลยานนท์ |
✓
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
✓
|
7. นายโกศล สุริยาพร |
-
|
✓
|
-
|
-
|
-
|
-
|
✓
|
8. นายพรวุฒิ สารสิน |
✓
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
9. นายหยกพร ตันติเศวตรัตน์ |
✓
|
✓
|
-
|
-
|
-
|
✓
|
-
|
10. นายสมยศ สุธีรพรชัย |
✓
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
11. นางสาวกิตติยา พงศ์ปูชนีย์กุล |
✓
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
12. นายวิษณุ สุชาติล้ำพงศ์ |
✓
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
-
|
13. นายวสันต์ นฤนาทไพศาล | ✓ |
- |
- |
- |
- |
- |
- |
บริษัทได้จัดให้มีแผนการสืบทอดงาน โดยประธานเจ้าหน้าที่บริหารและ กรรมการผู้อำนวยการได้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้สรรหาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและประสบการณ์มาดำรงตำแหน่งผู้บริหารของบริษัท
การสรรหาและแต่งตั้งกรรมการและผู้บริหารระดับสูงสุด
เกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติกรรมการอิสระของบริษัทเข้มกว่าประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 4/2552 ลงวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 (ยกเลิกความในข้อ 16 แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ.28/2551) ดังนี้
คณะกรรมการบริษัทพิจารณาคุณสมบัติของกรรมการจากปัจจัยด้านวุฒิความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินการของ
บริษัทเป็นสำคัญภายใต้หลัก ดังนี้คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนเป็นผู้พิจารณาบุคคลที่มีความเหมาะสมถูกต้องกับคุณสมบัติกรรมการที่บริษัทวางไว้ และเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทให้พิจารณาอนุมัติเพื่อเสนอในที่ประชุมผู้ถือหุ้นต่อไป
การเลือกตั้งกรรมการในที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีหลักเกณฑ์และวิธีการ ดังต่อไปนี้
ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระ คณะกรรมการจะเลือกบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัดและกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เข้าเป็นกรรมการแทนในการประชุมคณะกรรมการคราวถัดไป เว้นแต่วาระของกรรมการจะเหลือน้อยกว่าสองเดือน บุคคลซึ่งเข้าเป็นกรรมการแทนดังกล่าวจะอยู่ในตำแหน่งกรรมการได้เพียงเท่าวาระที่ยังเหลืออยู่ของกรรมการที่ตนเข้าแทน
การสรรหาบุคลากรเพื่อมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารของบริษัทนั้นมีขั้นตอนสรรหาโดยฝ่ายทรัพยากรบุคคล และการคัดเลือกจะอยู่ในดุลยพินิจของผู้บริหารโดยยึดเกณฑ์คุณสมบัติการศึกษาและประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสายงานสำคัญ
บริษัทมีระเบียบปฏิบัติเรื่องอำนาจการดำเนินการซึ่งกำหนดให้คณะกรรมการบริหารเป็นผู้แต่งตั้งกรรมการของบริษัทย่อย รวมถึงกำหนดอำนาจลงนาม ขอบเขตอำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบของกรรมการและผู้บริหารของบริษัทย่อยเพื่อดูแลรักษาผลประโยชน์ของบริษัทย่อยให้เป็นไปในทางเดียวกับบริษัทหลัก ส่วนหลักเกณฑ์การเปิดเผยข้อมูลฐานะการเงินและผลการดำเนินงาน การทำรายการระหว่างกันในกลุ่มบริษัทการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินหรือการทำรายการสำคัญอื่นใดของบริษัทย่อยมีการดำเนินการทำนองเดียวกับบริษัทหลัก
ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 ได้มีมติแต่งตั้ง บริษัท สำนักงาน อีวาย จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท สำนักงานเอินส์แอนด์ยัง จำกัด) โดยนางศิริวรรณ สุรเทพินทร์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เลขที่ 4604 และ/หรือ นายวิชาติ โลเกศกระวี ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เลขที่ 4451 และ/หรือ นางสาวสาธิดา รัตนานุ รักษ์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เลขที่ 4753 เป็นผู้สอบบัญชีปี 2559 โดยมีค่าตอบแทน (Audit fee) เฉพาะบริษัท 2,100,000 บาทต่อปี โดยไม่มีค่าบริการอื่น (Non-audit fee)
ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ได้มีมติแต่งตั้ง บริษัทสำนักงานอีวาย จำกัด โดยนางศิริวรรณ สุรเทพินทร์ ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เลขที่ 4604 และ/หรือ นายวิชาติ โลเกศกระวี ผู้สอบบัญชีรับอนุญาต เลขที่ 4451 และ/หรือ นางสาวสาธิดา รัตนานุรักษ์ ผู้สอบบัญชีอนุญาต เลขที่ 4753 เป็นผู้สอบบัญชีปี 2560 โดยมีค่าตอบแทน (Audit fee) เฉพาะบริษัท 2,100,000 บาทต่อปี โดยไม่มีค่าบริการอื่น (Non-auditfee)
ทั้งนี้ ผู้สอบบัญชีดังกล่าวไม่มีความสัมพันธ์และส่วนได้เสียกับบริษัท บริษัทย่อย ผู้บริหารและ/หรือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท
จากผลสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยประจำปี 2560 โดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ผลคะแนนของบริษัทอยู่ในระดับ ดีเลิศ (Excellent) อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับหลักเกณฑ์ของโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทย (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies) และ ASEAN CG Scorecard ยังมีหลักเกณฑ์บางประการที่บริษัทยังไม่สามารถปฏิบัติได้ รายละเอียด ดังต่อไปนี้
ประเด็น
|
คำชี้แจง
|
คณะกรรมการควรมีขนาดที่เหมาะสมโดยต้องมี จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คนและไม่ควรเกิน 12 คน | ปัจจุบันบริษัทมีกรรมการจำนวน 13 คน โดยบริษัทเห็นว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสมกับธุรกิจและขนาดของธุรกิจที่ขยายตัวและมีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้น อันจำเป็นต้องมีจำนวนกรรมการที่เพียงพอและมีความหลากหลายทางวิชาชีพ เพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ |
คณะกรรมการมีการกำหนดนโยบายจำกัดจำนวนบริษัทจดทะเบียนที่กรรมการแต่ละคนจะดำรงตำแหน่งกรรมการได้ไม่เกิน 5 แห่ง ไว้ในนโยบายกำกับดูแลกิจการของบริษัท | ในนโยบายกำกับดูแลกิจการของบริมีการกำหนดเรื่องวาระการดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทอื่นไว้ กล่าวคือ เฉพาะกรรมการบริหารกรรมการผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารจะสามารถเข้ารับตำแหน่งกรรมการในบริษัทอื่นได้ไม่เกิน 5 กลุ่มบริษัท แต่สำหรับกรรมการท่านอื่นๆ เนื่องจากรรมการบางท่านมีคุณสมบัติและความสามารถหลากหลายจึงมีการดำรงตำแหน่งในบริษัทอื่นเกิน 5 แห่ง |
คณะกรรมการมีการกำหนดนโยบายจำกัดจำนวนปีในการดำรงตำแหน่งของกรรมการอิสระไว้ไม่เกิน 9 ปีไว้ | ไม่ได้กำหนดไว้ เนื่องจากบริษัทเห็นว่ากรรมการอิสระที่มีการดำรงตำแหน่งต่อเนื่องเป็นเวลานานย่อมจะมีประสบการณ์และเข้าใจในธุรกิจของบริษัทได้อย่างลึกซึ้ง เป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบการบริหารงานของบริษัท |
การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งกรรมการ โดยการลงคะแนนเสียงแบบสะสม (cumulative voting) | ข้อบังคับของบริษัทกำหนดให้เลือกตั้งกรรมการโดยวิธีคะแนนเสียงข้างมาก และผู้ถือหุ้นแต่ละคนมีคะแนนเสียงเท่ากับจำนวนหุ้นที่ตนถืออยู่ อย่างไรก็ดี บริษัทได้กำหนดให้มีวิธีการอื่นในการดูแลสิทธิของผู้ถือหุ้นรายย่อยมาโดยตลอด เช่น การสนับสนุนให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยใช้สิทธิเสนอวาระการประชุม หรือเสนอชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งเป็นกรรมการได้ล่วงหน้า เป็นต้น |